![]() |
| ตราสัญลักษณ์วัดกองดิน |
วัดกองดิน เป็นวัดราษฏร์ในนิกายเถรวาท ตั้งอยู่ที่ ตำบลกองดิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ อำเภอแกลง จังหวัดระยองโดยมี พระครูสุนทรเขมาภินันท์ เป็นเจ้าอาวาส ตามประวัติความเป็นมาของเทศบาลตำบลกองดิน และองค์การบริหารส่วนตำบลกองดิน ได้ระบุไว้ว่า วัดกองดินนี้ เป็นสถานที่หยุดพักทัพตำดินปืนของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและมีพระประธานประจำในอุโบสถ มีพระนามว่า พระพุทธภัทรปิยปกาศิต หรือรู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อปิยปกาศิต
ประวัติ
ตามรายงานลงวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2442 (ร.ศ. 118) มีการระบุชื่อของวัด ณ สถานที่แห่งนี้ว่า "วัดคงคาจืด"ภายหลังวัดคงคาจืดได้ทรุดโทรม ยากแก่การบูรณปฏิสังขรณ์ ประชาชนในพื้นที่จึงได้ทำการย้าย สร้างวัดขึ้นมาใหม่ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดกองดิน"ปัจจุบันวัดกองดิน ตั้งอยู่ในตำแหน่งจุดกึ่งกลางของพื้นที่ 4 จังหวัด (ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด)
เทศบาลตำบลกองดิน ได้บันทึกประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ไว้ว่า “..เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยามีข้าศึกพม่า ยกทัพมาประชิดพระนคร บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย ไม่มีใครคิดที่จะต่อสู้กับข้าศึกพม่า ต่างพยายามที่จะหนีเอาตัวรอดกัน ครั้งนั้นพระยาวชิรปราการ เห็นว่า พม่ามีกำลังเสริมเพิ่มมากขึ้น และล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ทุกด้าน เห็นทีจะเสียกรุงฯ แก่พม่าเป็นแน่แท้...จนลุถึงวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 4 ค่ำ พุทธศักราช 2309 ปีจอ อัฐศก จึงได้ตัดสินใจรวบรวมกำลังไพร่พลราว 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพวกพม่าไปทางค่ายวัดพิชัย บ้านโพธิ์สังหาร (โพธิ์สาวหาร) อยุธยา มุ่งสู่นครนายก ปราจีนบุรี แล้วตรงไปยังหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออกเพื่อรวบรวมกำลังไพร่พล โดยมีจุดหมายปลายทางที่จันทบูรณ์ ในระหว่างการเดินทัพได้ผ่านเมืองระยอง บ้านไร่ บ้านกร่ำ เมืองแกลง ประแส เพื่อมุ่งไปสู่จันทบูรณ์นั้น กองทัพของพระยาตาก ได้มาตั้งค่ายหยุดพักทัพม้าทัพช้างและไพร่พลอยู่ที่บริเวณวัดแห่งหนึ่ง (วัดคงคาจืด) เพื่อทำการตำดินปืน รวบรวมสะสมไว้ใช้ในการออกศึกสงคราม...”
สถานที่ตำดินปืนในครั้งนั้นจึงเรียกกันว่า “ค่ายกองดินปืน” เป็นมูลเหตุที่มาของชื่อหมู่บ้านหรือตำบล นานเข้าก็เรียกกันสั้นๆ ว่า “ตำบลกองดิน” สืบมาจนถึงปัจจุบันนี้ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “คงคาจืดแดนโบราณเส้นทางผ่านพระเจ้าตาก” มีหลักฐานการสำรวจวัด ซึ่งปรากฏอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในพื้นที่แห่งนี้ เคยมีวัด ชื่อว่า คงคาจืด สังกัดการปกครองขึ้นอยู่กับมณฑลจันทบุรี โดยคาดว่า วัดคงคาจืดนี้น่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง เนื่องด้วยในพื้นที่บริเวณโดยรอบของวัดนี้มีแหล่งน้ำจืดบริบูรณ์ จึงเรียกกันว่า บ่อจืด หรือ บ่อน้ำจืด มีข้อมูลอันเป็นประโยชน์จากหน่วยศิลปากรที่ 5 กองโบราณคดี กรมศิลปากร ในการศึกษาเรื่องเส้นทางการเดินทัพจากเมืองแกลงไปเมืองจันทบุรีว่า "...การเดินทางจากระยองไปจันทบุรี มักใช้เส้นทางที่เป็นทางเดินและทางเกวียน ห่างจากแนวขอบชายทะเลประมาณ 5-10 กิโลเมตร และสถานที่แห่งใด มีบ่อน้ำหรือเป็นชุมชนหมู่บ้าน ก็จะหยุดพักทัพ..."ในปี พ.ศ. 2543 พระครูสุนทรเขมาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดกองดิน ได้ค้นพบเส้นทางรอยเกวียนโบราณ ใน 2 สถานที่ กล่าวคือ:
1. ในเขตบริเวณเส้นทางสายเก่า (ก่อนเข้าสู่ทางแยกเข้าวัดคงคาจืด) ลักษณะเป็นรอยลึกกัดเซาะปรากฏอยู่บนเนื้อหินดินดาน อยู่ต่ำลงไปจากระดับพื้นดินประมาณ 1 ฝ่ามือ กว้างประมาณ 35-40 ซม. บางแห่งยาวประมาณ 2-3 เมตร มีให้เห็นเป็นระยะๆ (ปัจจุบันเทศบาลฯ ได้ทำถนนปิดทับรอยเกวียนไปหมดแล้ว)
2. ในเขตที่ธรณีสงฆ์ของวัด (ป่าช้าวัดคงคาจืด) ติดแนวเขตแดนที่ดินของชาวบ้าน ปัจจุบันกลายเป็นป่าละเมาะ มีผู้ยืนยันว่า เป็นเส้นทางรอยเกวียน เดินทางออกไปสู่เมืองจันท์
ทั้งนี้ได้เชิญ นายอัศวี ศรจิตติ ผู้อำนวยการสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 4 ปราจีนบุรี ร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่นอำเภอแกลง ได้มาสำรวจร่องรอยเส้นทางเกวียนโบราณ มาตรวจสอบพิจารณา ผลการพิสูจน์หลักฐาน โดยใช้พิกัดภูมิศาสตร์กองทัพเรือ ประกอบกับแนวเส้นทางโบราณเลียบชายทะเล ซึ่งปรากฏความอยู่ในนิราศเมืองแกลงของสุนทรภู่ รวมถึงแผนที่วิเคราะห์เส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ของหน่วยศิลปากรที่ 5 กองโบราณคดี กรมศิลปากร
คาดว่าในสมัยก่อน คงเคยมีผู้ใช้เส้นทางเกวียนเส้นนี้มาไม่น้อยกว่า 200 ปี ก่อนที่จะมีถนนสุขุมวิท โดยได้สรุปผลให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งของเส้นทางสายประวัติศาสตร์ คือ เส้นทางสายเอกราช เป็นลำดับที่ 26 สุดท้ายของจังหวัดระยอง ในเส้นทางการเดินทัพของพระเจ้าตากสิน ในคราวยกทัพเพื่อไปตีเมืองจันทบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2310 ในการสำรวจที่ธรณีสงฆ์ วัดคงคาจืด ได้ค้นพบหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่น ซากปร้กหักพังของเสาอุโบสถ (เสาหงสาวดี), ช่อฟ้าใบระกา, หางหงส์, วัตถุโบราณพระพุทธรูป มีพระยอดธง พระร่วงรางปืน (เนื้อชินตะกั่ว) ลูกกระสุนปืนใหญ่โบราณ เป็นต้น จึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ เพื่อเป็นมรดกวัฒนธรรม แหล่งการเรียนรู้ การศึกษาทางประวัติศาสตร์ท้องถินต่อไป นอกจากเส้นทางรอยเกวียนโบราณแล้ว ยังได้ค้นพบบ่อน้ำจืด และร่องรอยเส้นทางเดินเท้าของกองทัพฯ ที่จะเข้าสู่เขตบริเวณของวัดคงคาจืดอีกด้วย พื้นที่โดยรอบของวัดคงคาจืด มีแหล่งน้ำจืดและพืชพันธ์ธัญญาหารที่สมบูรณ์ รวมถึงแร่ธาตุเหล็กอยู่ในพื้นที่ มีคุณสมบัติใช้ทำดินปืนได้ อีกทั้งในพืนที่นี้ มีภูเขาซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่มาก
มีประวัติว่า พระเจ้าตากสินได้ให้ทหารไปเอามูลขี้ค้างคาวจากเขาใกล้ที่ตั้งทัพ (แต่ก่อนชื่อ เขากองดิน ปัจจุบันเรียก เขาสุขไพรวัน) ช่วยกันตำแร่ธาตุเหล็กและมูลขี้ค้างคาวแปรสภาพเป็นดินประสิว และทำเป็นดินปืน วางเป็นกองๆ (อันมีความหมายว่า กองดินปืน) เพื่อเตรียมไว้ใช้ในการออกศึกสงคราม ภายหลังข้อความได้คลาดเคลื่อนไป ตามยุคสมัยและความคุ้นปากของชาวบ้าน จึงตัดคำว่า “ปืน” ออกไป เรียกกันสั้นๆ ว่า “กองดิน” จนถึงปัจจุบัน
ส่วนวัดคงคาจืด ซึ่งเป็นศาสนสถานเดิมในพื้นที่นี้ คาดว่าประมาณปี พ.ศ. 2472 วัดคงคาจืดอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมมาก คงยากต่อการที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ได้ ประชาชนจึงร่วมใจย้ายวัดมาสร้างใหม่ ห่างจากวัดแห่งเดิมประมาณ 500 เมตร ในเขตบริเวณสถานที่ที่มีความเชื่อว่าพระเจ้าตากสินมาตำดินปืน และปลูกโพธิ์สามต้นไว้เป็นอนุสรณ์ สำหรับ บ่อจืด หรือ บ่อน้ำจืด ซึ่งเคยอยู่ในเขตบริเวณของวัดคงคาจืด ปัจจุบันได้มีการตัดถนนผ่านที่ธรณีสงฆ์ของวัด และได้ถมดินกลบทับบริเวณบ่อจืดไปแล้ว ส่วนวัดคงคาจืด ปัจจุบันมีสภาพกลายเป็นวัดร้าง คงเหลือแต่ซากปรักหักพัง ประชาชนในพื้นที่ จึงร่วมใจกันย้ายวัดมาสร้างใหม่ในเขตบริเวณที่มีต้นโพธิ์สามต้น แล้วเรียกชื่อวัดนี้ตามประวัติพื้นบ้านที่มีมา ว่า วัดกองดิน (ปืน) สืบมาถึงปัจจุบัน
ร่วมชมประวัติและข้อมูลของวัดผ่านทางรายการ
จดหมายเหตุกรุงศรี

เปิดประตูสู่เมืองจันท์ สืบสานตำนานค่ายกองดินปืน วัดกองดิน
ตอบลบ